ป้อมพระจุลจอมเกล้า

         

"ป้อมพระจุลจอมเกล้า”  หรือที่นิยมเรียกขานกันโดยทั่วไปว่า “ป้อมพระจุลฯ”   ตั้งอยู่บริเวณริมปากแม่น้ำเจ้าพระยา   ตำบลแหลมฟ้าผ่า  อยู่ห่างจากแยกพระสมุทรเจดีย์ไปตามถนนสุขสวัสดิ์ประมาณ ๖ กิโลเมตร

           ป้อมพระจุลฯ เป็นป้อมที่ทันสมัย   และมีบทบาทสำคัญยิ่งในการปกป้องอธิปไตยของชาติ  ซึ่งเป็นที่ทำการยิงต่อสู้กับอริราชศัตรูมาแล้วครั้งหนึ่ง    เมื่อ ร.ศ.112  (พ.ศ.2436 เป็นป้อมที่จารึกอยู่ในความทรงจำของคนไทย   และประวัติศาสตร์ชาติไทย   เพราะในสมัยนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5  ทรงมีพระราชปรารถว่า   ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสกำลังแสวงหาเมืองขึ้นบรรดาประเทศต่างๆ ที่อยู่ติดเขตแดนไทย   พระองค์จึงทรงหาวิธีป้องกันต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องการป้องกันทางน้ำ   ทรงเห็นว่าป้อมต่างๆ ที่เมืองสมุทรปราการ   ล้วนแล้วแต่เป็นป้อมเก่าล้าสมัยและชำรุดทรุดโทรมมาก  อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถใช้ในการป้องกันบ้านเมืองได้   จึงทรงมีพระราชโองการให้ปรับปรุงและซ่อมแซมป้อมต่างๆ ขึ้น    และทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้จัดสร้างป้อมที่ทันสมัยขึ้นอีกแห่งหนึ่งเป็นการเร่งด่วน   โดยจ้างชาวต่างประเทศที่ชำนาญการทหารเรือเป็นที่ปรึกษาวางแผนในการปรับปรุงกิจการทหารเรือ   ในครั้งนั้นด้วย

           ป้อมพระจุลฯ ถูกจัดสร้างขึ้นต้นปี พ.ศ.๒๔๒๗  แล้วเสร็จลงเมื่อต้นปี พ.ศ.๒๔๓๖  และเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายนในปีเดียวกันนั้น  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินด้วยเรือพระที่นั่งมหาจักรีเพื่อทอดพระเนตรป้อม  ทรงทดลองยิงปืนป้อมด้วยพระองค์เองและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อป้อมแห่งนี้ว่า  “ป้อมพระจุลจอมเกล้า”  ดังความในพระราชหัตถเลขาที่มีถึงเสนาบดีตอนหนึ่งว่า

           "แต่มีความกำเริบทะเยอทยานอยู่อย่างหนึ่งซึ่งได้กล่าวไว้แล้วเก้าปักษ์เดือนล่วงมาว่า  ป้อมนี้ได้สร้างขึ้นใหม่ในแผ่นดินปัจจุบันนี้   อยากจะให้ชื่อป้อมจุฬาลงกรณ์  ฤๅพระจุลจอมเกล้า  คล้ายกับป้อมทั้งปวงซึ่งเขาใช้ชื่อเจ้าแผ่นดินมีอยู่บ้าง เช่น ฟอตวิลเลี่ยม เมืองกัลกัตตา เป็นต้น  ทั้งครั้งนี้จะได้สำเร็จเพราะทุนรอนซึ่งฉันจะอุดหนุนดังนี้  ก็ยิ่งมีความปรารถนากล้า  ถ้าท่านทั้งปวงเหนสมควรแล้ว  ขอให้เลือกนามใดนามหนึ่งเปนชื่อป้อมนี้ ให้เปนที่ชื่นชมยินดี แลเปนชื่อเสียงของฉันติดอยู่สืบไปภายน่า

ภายในบริเวณป้อมพระจุลฯ ยังมีพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับยืนเด่นเป็นสง่า  อยู่บริเวณหน้าป้อมปืน  และนอกจากนั้นยังมีศาลพระนเรศนารายณ์    ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว     ป้อมพระจุลฯแห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวันโดยไม่เสียค่าเข้าชมใดๆ ทั้งสิ้น

           พระบรมราชานุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๖  ความสูงทั้งหมด ๑๗.๕๐ เมตร ขนาดพระบรมรูปสูง ๔.๒ เมตร หรือสองเท่าครึ่งของพระองค์จริง  ฉลองพระองค์ในชุดจอมทัพเรือ

  พระบรมรูปจำลอง หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์

  เรือหลวงแม่กลอง  ปลดระวางแล้วจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์

  ทางเข้าบริเวณที่ตั้งปืนเสือหมอบและหินจารึก


        ปืนหลุมหรือปืนเสือหมอบ (Disappearing gun) ปืนประจำป้อมพระจุลฯ มีลักษณะเป็นปืนหลุมจำนวน ๗ หลุม  แต่ละกระบอกมีขนาด ๑๒๕/๓๒  มิลลิเมตร  ความกว้างปากกระบอก ๑๕๒  ลำกล้องยาว ๔.๘๖๔ เมตร  หนัก ๕ ตัน  มีระยะยิงไกลสุด ๘,๐๔๖ เมตร  โดยสั่งมาจากบริษัท เซอร์ดับบลิวจีอาร์มสตรอง จำกัด  (Sir  W.G. Armstrong  &  Co,)  ประเทศอังกฤษ  ถือเป็นปืนใหญ่บรรจุท้ายรุ่นแรกที่มีใช้ในกอบทัพเรือ  จึงทำให้ป้อมปืนแห่งนี้มีความทันสมัยที่สุดในขณะนั้น

           สำหรับประวัติศาสตร์ของการสร้างป้อมพระจุลจอมเกล้า   ในระยะหลังโดยเงินพระราชทางจากพระคลังข้างที่นั้น  ได้มีจารึกไว้ที่หน้าป้อมเป็นประจักษ์พยานปรากฎไว้ว่า

           “ศุภมัสดุ  ลุรัตนโกสินทร์ศก ๑๑๒ เมษายนมาศ  ทสมทินประวัติสะสิวาร  บริเฉกกำหนดพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์  บดินทรเทพยมหามงกุฎ  บุรุษยรัตนราชวิวงษ์วรุตพงษ์บริพัตร  วรขัตติยราชนิกโรดม  จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ  บรมธรรมมิกราชมหาราชา บรมนาถบพิตรพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว”

           บุคคลสำคัญที่เป็นกำลังสำคัญในการก่อสร้างและติตั้งปืนที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า

           ๑. พลเรือโทกรมหมื่นปราบปรปักษ์   เมื่อครั้งยังดำรงพระยศเป็น  พระองค์เจ้าขจรจรัสวงษ์เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ

๒. พลเรือโทพระยาชลยุทธโยธิน  ( Du Plessus  De Richelieu) เป็นชาวเดนมาร์คซึ่งในขณะนั้นยังมียศเป็น พลเรือจัตวา  เป็นรองผู้บัญชาการทหารเรือ  เป็นผู้ดำเนินการสั่งปืนใหญ่อาร์มสตรอง

๓. นาวาเอกพระชำนิกลกา  เมื่อครั้งมียศเป็นนายพันตรีสมบุญ (บุญยะกะลิน)  เจ้ากรมโรงงานเครื่องจักร

๔. พลเรือโทพระยาวิจิตรนาวี  เมื่อครั้งเป็น นายวิลเลี่ยม (บุญยะกะลิน)  ซึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษาวิชาช่างกลจากประเทศอังกฤษ  เป็นผู้ควบคุมการติดตั้งปืนใหญ่ประจำป้อม

๕. ร้อยเอกฟอนโฮลต์ (Captain C Von Holck)  ซึ่งเป็นครูสอนวิชาปืนใหญ่  เป็นผู้บังคับการป้อมพระจุลจอมเกล้าคนแรก

ป้อมพระจุลจอมเกล้าสิ้นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง  รวมทั้งปืนใหญ่ประจำป้อม  ประมาณ ๘๐๐,๐๐๐ บาท  หรือหนึ่งหมื่นชั่ง


  ภาพถ่ายทางอากาศ  บริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า
กลับ